วันสบายๆของนาย Arm`~

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วิธีการจัดสวนหย่อมและแบบสวนหน้าบ้านสวยๆ

การจัดสวนหย่อม หรือ Small garden เป็นการจัดสวนขนาดเล็กๆ กระทัดรัดที่ใช้พื้นที่ในการจัดน้อย หรือการจัดสวนเป็นจุดๆ ในบริเวณต่างๆ ของบ้าน เพื่อเพิ่มความโดดเด่นสวยงาม และความร่มรื่น น่าอยู่ให้กับบ้านของคุณยิ่งขึ้น เช่น จัดเป็นสวนหน้าบ้าน มุมตัวบ้าน มุมต้นไม้ใหญ่ บริเวณมุมใดมุมหนึ่งของสนามหญ้า หรือหน้าบ้าน กลางบ้าน หรือบริเวณทางเดิน ที่สามารถจัดได้ทั้งบนพื้นที่ราบ ลาดเอียง หรือเนินก็ได้ การจัดสวนหย่อมนี้นิยมจัดกันมาก เพราะประหยัดทั้งเนื้อที่ ค่าใช้จ่าย และจากมุมธรรมดาของบ้านที่ไม่มีใครเหลียวแล จะกลับกลายเป็นมุมโปรด มุมพักผ่อนส่วนตัวของสมาชิกภายในบ้านที่ใครๆก็ต้องชื่นชอบกับสีเขียว บรรยากาศธรรมชาติ และหาเวลามาอยู่ใกล้ๆเสมอ 

วิธีการจัดสวนหย่อมง่ายๆที่คุณทำเองได้

การจัดสวนหย่อมขั้นตอนที่ 1
การตรวจสอบพื้นที่ เพื่อดูแลความเหมาะสมในการออกแบบสวนโดยต้องคำนึงถึงขนาดพื้นที่,ทิศทางของแสง,ลักษณะของดิน เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อที่จะได้จัดขนาดและลักษณะของต้นไม้ให้เหมาะสมกับพื้นที่
การจัดสวนหย่อมขั้นตอนที่ 2
ทำการร่างแบบ เพื่อกำหนดตำแหน่งของต้นไม้,หินที่จะจัดวาง หรือ บ่อน้ำและน้ำตกว่าควรจะอยู่ที่ใด การร่างแบบลงบนกระดาษจะช่วยให้นึกภาพออกได้ชัดเจนกว่าและสามารถแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ให้ลงตัวได้ง่ายเมื่อพอใจกับแบบร่างแล้วดำเนินงานขั้นต่อไป
การจัดสวนหย่อมขั้นตอนที่ 3
การเลือกซื้อพรรณไม้ เพื่อให้ได้พรรณไม้ตามที่ กำหนดไว้ก่อนหน้าอีกทั้งยังได้เห็นพรรณไม้ในลักษณะเป็นของจริง ทำให้สามารถมองเห็นภาพตามที่กำหนดไว้ชัดเจนขึ้นก่อนเลือกซื้อพรรณไม้ควรศึกษาลักษณะของพรรณไม้นั้นๆว่าเหมาะสมกับพื้นที่ๆจะจัด สวนหรือไม่เช่นขนาดของต้นไม้เมื่อโตเต็มที่,สีของพรรณไม้,ควรจะเลือกไม้ดอก หรือไม้ใบ เป็นต้น
- อุปกรณ์ที่มาตกแต่งสวนหย่อม เช่น กระถางต้นไม้ทั้งแบบวางและแบบแขวน พุ่มไม้เล็กหลายๆพุ่มต่อกัน หินประดับต่างๆ โอ่งดินเผา บ่อน้ำพุ (ปัจจุบันมีบ่อสำเร็จรูปให้เลือกหลายรูปทรง) ตุ๊กตาเซรามิก ฉากกั้น โต๊ะปิคนิค เก้าอี้สวน ศาลา โคมไฟห้อยหรือเชิงเทียน แจกันดอกไม้ เสื่อหรือพรม และเตียงนอนสนามสำหรับพักผ่อน เป็นต้น
การจัดสวนหย่อมขั้นตอนที่ 4
การปรับพื้นที่ เพื่อให้ได้สภาพเหมือนกับแบบที่ร่างเอาไว้เช่นบางส่วนที่ต้องการทำเนินให้เอาปูนขาวโรยรอบๆบริเวณนั้นไว้เพื่อกำหนดเป็นตำแหน่ งแล้วถมดินให้เป็นเนินตามที่ต้องการการปรับพื้น ที่ควรจะทำหลังจากการก่อสร้างในส่วนอื่นๆเสร็จสิ้นแล้วเพราะอาจจะมีการขุดท่อประปาหรือวางสายไฟซึ่งจะทำให้พื้นที่ๆปรับไว้ได้รับความเสียหาย
การจัดสวนหย่อมขั้นตอนที่ 5
การปลูกต้นไม้ใหญ่ ควรเตรียมหลุมสำหรับปลูกไม้ ซึ่งเป็นไม้ใหญ่ก่อน แล้วจึงปลูกไม้มุมและไม้คลุมดินเป็นลำดับต่อไป ตำแหน่งการปลูกให้ดูจากแบบ ร่างที่ทำไว้ล่วงหน้าไว้ ก่อนแล้วการปูทางเท้า ทำหลังจากการปลูกหญ้าเสร็จแล้วจากนั้นให้เลือกวัสดุในการทำทางเท้าและกำหนดทิศทางโดยดูจากแบบร่างแล้วใช้ปูนขาวโรยเพื่อกำหนดตำแหน่งให้ ถูกต้อง และยังเป็นการทำให้เห็นภาพก่อนการปูพื้นจริงซึ่งทำให้ง่ายต่อการปรับแต่งแก้ไข
เห็นไหมละค่ะว่า เพียงอาศัยการวางแผนสักเล็กน้อย ใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสม มีพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดสวนบ้าง บวกกับความกระตือรือร้นที่จะทำ เท่านี้คุณก็สามารถแปลงโฉมสวนของคุณให้ได้สวนหย่อมสวยๆในแบบที่คุณต้องการได้แล้วละค่ะ



ประวัติศาสตร์กรีซ


กรีซโบราณ (Ancient Greece) เป็นคำที่ใช้เรียกถึงบริเวณที่มีการพูดภาษากรีกในโลกยุคโบราณ ซึ่งไม่เพียงอ้างถึงพื้นที่คาบสมุทรของกรีซยุคปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังกล่าวรวมถึงอารยธรรมกรีกโบราณซึ่งเป็นที่ตั้งรกรากถิ่นฐานโดยชาวกรีกในยุคโบราณอันได้แก่ ไซปรัส, บริเวณชายฝั่งของทะเลอีเจียนของตุรกี (หรือที่รู้จักในนามไอโอเนีย), ซิซิลีและทางใต้ของอิตาลี (หรือที่รู้จักในนามแมกนา เกรเชีย) และถิ่นฐานซึ่งกระจายออกไปของชาวกรีกตามชายฝั่งต่างๆซึ่งปัจจุบันเป็นประเทศ บัลแกเรีย ฝรั่งเศส ยูเครน โรมาเนีย ลิเบีย สเปน อัลแบเนีย และอียิปต์
ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่ากรีกโบราณนั้นมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดอยู่ตำแหน่งใด โดยทั่วไปแล้วจะกล่าวถึงประวัติศาสตร์กรีกก่อนหน้าจักรวรรดิโรมัน แต่นักประวัติศาสตร์ต้องการความแม่นยำมากกว่า ผู้เขียนบางคนรวมยุคของอารยธรรมไมนวน และไมซีนีเข้าไปด้วย (ตั้งแต่ประมาณ 1600 ปีก่อนคริสตศักราช ถึง 1100 ปีก่อนคริสตศักราช) ในขณะที่บางคนแย้งว่าอารยธรรมเหล่านั้นมีความแตกต่างกับอารยธรรมกรีกในยุคต่อมามากจึงควรมีการแบ่งแยกออกจากกัน
โดยทั่วไปแล้วจะกล่าวถึงกรีกยุคโบราณตั้งแต่การล่มสลายของไมซีนีจนกระทั่งถึงการพิชิตของโรมัน ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 4 ช่วงได้แก่
ช่วงเรขาคณิต 1100 - 800 ปีก่อนคริสตศักราช
ช่วงอาร์ไคกา 800 - 500 ปีก่อนคริสตศักราช
ช่วงคลาสสิค 500 - 323 ปีก่อนคริสตศักราช
ช่วงเฮเลนนิส 323 - 146 ปีก่อนคริสตศักราช
ประวัติศาสตร์
ยุคโบราณ
ในยุคสำริด 3,000-2,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช เป็นยุคที่อารยธรรมชนเผ่าไซแคลดิกและไมซีแนเอียนกำลังมีอิทธิพลรุ่งเรืองอยู่ในกรีซ แต่พอถึงศตวรรษที่ 11 ก่อนคริสตกาล อิทธิพลของวัฒนธรรมไซแคลดิกและไมซีแนเอียนก็ถึงกาลเสื่อมสลายลง เพราะถูกรุกรานโดยนักรบเผ่าดอเรียนที่รุกมาจากทางเหนือ อารยธรรมต่าง ๆ ในกรีซจึงเริ่มเข้าสู่ยุคมืด
ช่วงเวลา 800 ปีก่อนคริสตกาล เป็นช่วงเวลาที่อารยธรรมกรีซเฟื่องฟูขึ้นมาอีกครั้ง วัฒนธรรมและกิจการทหารของกรีซเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด เมืองเอเธนส์ลัสปาต้าเป็นศูนย์กลางของอำนาจมหาอาณาจักรกรีซประกอบด้วยอิตาลีทางตอนใต้อันเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ กรีซย่างก้าวเข้าสู่ยุคคลาสสิกหรือยุคทอง ในยุคนี้เองนักปราชญ์ชื่อ เพเรอคลิส ผู้ทำให้วิหารพาร์เธนอนเป็นที่รู้จักของชาวโลก ซาเฟอคลิสได้เขียนมหากาพย์โออีดิเพิสขึ้น และโสคราติส หรือซาเครอทิส ได้เริ่มการสอนลูกศิษย์ชาวเอเธนส์ให้รู้จักวิชาตรรกวิทยาและหลักการของประชาธิปไตย ต่อมาไม่นานนักยุคทองของกรีซก็ถึงจุดเสื่อม แล้วกรีซก็เข้าสู่ยุคสงครามเปลโอปอนนีเซียน ซึ่งกองทหารอันเกรียงไกรของสปาร์ตาได้ยกกำลังเข้าบดขยี้ชาวเอเธนส์เสียจนย่อยยับ
ในขณะที่สปาร์ตากำลังรุกรานกรีซอย่างย่ามใจทางตอนเหนือ พระเจ้าฟิลิปแห่งอาณาจักรมาซิโดเนียกำลังไล่ตีเมืองเล็กเมืองน้อยรุกคืบเข้ามาใกล้กรีซทุกที แต่ทว่าความทะเยอทะยานที่จะเป็นผู้พิชิตในภูมิภาคนี้ของพระเจ้าฟิลิปก็ถูกบดบังรัศมีโดยโอรสของพระองค์เองคือ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ผู้สามารถยาตราทัพไปถึงเอเชียน้อยและอียิปต์ ซึ่งที่อียิปต์นี้เองพระองค์ได้รับการยกย่องให้เป็นฟาโรห์ ผู้สร้างเมืองอเล็กซานเดรีย พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชสามารถยกทัพไปถึงเปอร์เซียและดินแดนส่วนที่เป็นอินเดียและอัฟกานิสถานในปัจจุบัน ในรัชสมัยของอาณาจักรมาซิโดเนียเรียกกันว่า ยุคเฮลเลนิสติก (Hellenistic Period) เพราะยุคนี้มีการผสมผสานปรัชญาและวัฒนธรรมที่รุ่งเรืองของชนชั้นปกครองจนกลายเป็นวัฒนธรรมแบบใหม่ที่ศิวิไลซ์ยิ่งขึ้น หลังจากพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชสิ้นพระชนม์ เมื่อพระชนมายุ 33 ปีแล้ว มีกษัตริย์ปกครองกรีซสืบต่อมาอีก 3 รัชกาล
ครั้นถึงปีที่ 205 ก่อนคริสต์ศักราช อิทธิพลของโรมันแผ่ขยายเข้ารุกรานกรีซ และเมื่อถึงปี 146 ก่อนคริสตกาล กรีซกับมาซิโดเนียตกอยู่ใต้การปกครองของโรมัน หลังจากที่มีการแบ่งอาณาจักรโรมันเป็นอาณาจักรตะวันออกและตะวันตก กรีซได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรไบแซนไทน์ และเมื่อเกิดสงครามครูเสดขึ้น อิทธิพลของอาณาจักรไบแซนไทน์ก็เสื่อมถอยเพราะถูกรุกรานโดยชาวเวนิส คาตาลัน เจนัว แฟรงก์ และนอร์มัน

ยุคกลาง
ในปี ค.ศ. 1453 กรุงคอนสแตนติโนเปิล เมืองหลวงของอาณาจักรไบแซนไทน์ถูกพวกเติร์กยึดครอง และเมื่อถึงปี ค.ศ. 1500 ดินแดนของกรีซทั้งหมดก็ตกอยู่ใต้อำนาจของเติร์ก ดินแดนที่เป็นกรีซในปัจจุบันแต่ก่อนเป็นศูนย์กลางการค้าทางเรือของยุโรปตอนกลางและเป็นที่ชุนนุมนักปราชญ์กับศิลปินของโลก เพราะที่นี่เป็นหมู่บ้านกรีกที่มีประเพณีและวัฒนธรรมของกรีกออร์ทอดอกซ์ ในการทำสงครามเพื่อกู้เอกราชจากเติร์ก กรีซได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากนักคิด นักเขียน และนักปรัชญา เช่น ไบรอน แชลเลย์ และเกอเธ อย่างไรก็ตามการต่อสู้ที่ขาดเอกภาพของกรีซ ทำให้ฝรั่งเศส รัสเซีย และอังกฤษ ตัดสินใจเข้ามาแทรกแซง หลังจากกรีซได้รับเอกราชแล้ว กลุ่มอำนาจในยุโรปมีความเห็นว่ากรีซควรมีการปกครองระบบกษัตริย์จึงได้จัดการให้กษัตริย์ออตโตแห่งบาวาเรีย เป็นกษัตริย์ปกครองกรีซในปี ค.ศ. 1833 หลังจากนั้นกรีซก็มีกษัตริย์ขึ้นครองราชย์อีกหลายพระองค์ด้วยกัน จนกระทั่งถึงรัชสมัยของพระเจ้าจอร์จที่ 1 จึงได้รับพระราชทานกฎหมายรัฐธรรมนูญให้กรีซในปี ค.ศ. 1864 ทำให้กรีซมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ

ยุคใหม่
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กองทัพกรีซอยู่ข้างฝ่ายสัมพันธมิตร และเข้ายึดครองเมืองเทรซ เมื่อสงครามโลกยุติ กรีซได้ส่งกองกำลังเข้าไปช่วยปลดปล่อยเมืองสเมอร์นาของตุรกี ซึ่งปัจจุบันคืออิชเมียร์ให้ได้รับอิสรภาพ เพราะเมืองนี้มีประชาชนชาวกรีกอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก กองกำลังกรีกถูกต่อต้านอย่างแข็งแกร่งจากกองทัพของอตาเติร์ก ซึ่งได้เข่นฆ่าชาวกรีกในเมืองนั้นเสียชีวิตลงเป็นจำนวนมาก ผลของสงครามนี้ทำให้มีการตกลงแลกเปลี่ยนพลเมืองของ 2 ประเทศกันในปี ค.ศ. 1923 ประชากรกรีกเพิ่มจำนวนประชากรมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะมีผู้อพยพชาวคริสเตียนมาอยู่ในกรีซมากถึง 1,300,000 คน ทำให้กรีซมีปัญหาด้านเศรษฐกิจตามมา คนเหล่านี้กระจายกันไปอยู่นอกเมือง ภายหลังมีการก่อตั้งสหภาพแรงงานต่าง ๆ ขึ้นในกลุ่มพวกอพยพที่อาศัยอยู่ตามหัวเมืองรอบนอก และในปี ค.ศ. 1936 พรรคคอมมิวนิสต์ ในกรีซก็เติบโตและมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการสนับสนุนของประชาชนทั่วประเทศ
ปี ค.ศ. 1936 นายพลเมเตอซัส ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี เขาเป็นผู้ปกครองประเทศที่นิยมการปกครองแบบเผด็จการ ถึงแม้ว่าจะได้เห็นความเป็นไปในชะตากรรมของพวกนาซี แต่ตัวเขาเองกลับกระทำการต่าง ๆ ที่ทำให้เขาได้รับฉายาว่าเป็นภาพจำลองของอาณาจักรไรน์ในกรีซ นายพลเมเตอซัสทำการต่อต้านไม่ยอมให้เยอรมนีกับอิตาลีเดินทัพผ่านกรีซ ถึงแม้ว่ากลุ่มสัมพันธมิตรจะเข้าช่วยกรีซแต่กรีซก็ต้องตกเป็นของเยอรมนีในปี ค.ศ. 1941 เป็นผลให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงขึ้น มีการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล เกิดความวุ่นวายขึ้นในประเทศที่มีทั้งฝ่ายสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์และฝ่ายสนับสนุนสถาบันกษัตริย์ เป็นชนวนให้เกิดสงครามกลางเมืองนองเลือดขึ้นในกรีซ และยุติลงใน ค.ศ. 1949 โดยฝ่ายนิยมกษัตริย์อ้างชัยชนะ
ในช่วงเวลานั้นอเมริกากำลังเคร่งครัดในลัทธิทรูแมน รัฐบาลอเมริกาในขณะนั้น มีนโยบายให้เงินก้อนใหญ่สนับสนุนรัฐบาลที่ต่อต้านระบบคอมมิวนิสต์ แต่ความกลัวลัทธิคอมมิวนิสต์จะครองเมืองทำให้คณะทหารของกรีซทำการปฏิวัติยึดอำนาจจากรัฐบาลเมื่อปี ค.ศ. 1967 กล่าวกันว่าการปฏิวัติในกรีซเป็นผลมาจากการแทรกแซงทางการเมืองของหน่วยงาน CAI ของสหรัฐอเมริกาที่เข้ามาปฏิบัติการในทวีปยุโรปกลุ่มทหารที่ครองอำนาจในกรัซทำตนมีอำนาจเหนือราษฎรและทำการกดขี่ข่มเหงประชาชน ยิ่งกว่านั้นคณะนายพลของทหารกรีซได้ทำการวางแผนลอบสังหารผู้นำของไซปรัสในขณะนั้น เป็นผลให้ตุรกีฉวยโอกาสเข้ารุกเข้ายึดครองตอนเหนือของไซปรัส ทำใหเหตุการณ์นี้เป็นข้อบาดหมางระหว่างกรีซกับตุรกีมาจนถึงทุกวันนี้
ในปี ค.ศ. 1981 กรีซเข้าเป็นสมาชิกสมาคมสหภาพยุโรป พรรคสังคมนิยม PASOK นำโดยนายแอนเดรียส์ ปาปันเดรโอ ชนะการเลือกตั้งได้เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลให้สัญญาว่าจะจัดการให้อเมริกาย้ายฐานทัพอากาศออกไปจากกรีซและกรีซจะถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของนาโตแต่รัฐบาลทำไม่สำเร็จ สตรีชาวกรีซเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงประเพณีเรื่องสินสอดและเรียกร้องให้กฎหมายสนับสนุนการทำแท้งเสรีความไม่สงบในประเทศทำให้ปาปันเดรโอกับรัฐบาลของเขาเสียอำนาจการปกครองประเทศให้กับรัฐบาลผสมระหว่างพรรคอนุรักษ์นิยมกับพรรคคอมมิวนิสต์ในปี ค.ศ. 1989 การเลือกตั้งในกรีซเมื่อ ค.ศ. 1990 พรรคอนุรักษ์นิยมได้ที่นั่งมากที่สุดและได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศแต่ไม่สำเร็จ การเลือกตั้งใหม่ใน ค.ศ. 1993 กรีซได้ปาปันเดรโอผู้นำเฒ่าของพรรคเสรีนิยมกลับมาครองอำนาจกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ท่านผู้นำถึงแก่อนิจกรรมใน ค.ศ. 1996 หลังจากที่ท่านลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองกรีซได้ผู้นำคนใหม่ชื่อ คอสทาส สมิทิส ต่อมากรีซกับตุรกีขัดแย้งกันอย่างหนักจนใกล้จะระเบิดสงครามเมื่อผู้สื่อข่าวของตุรกีได้นำธงชาติกรีซมาย่ำยีเล่น สมิทิสได้รับการเลือกตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีกรีซอีกครั้ง รัฐบาลใหม่ให้สัญญากับประชาชนว่าจะเร่งการนำประเทศเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มอียู นายกรัฐมนตรีเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับรัฐมนตรีโทนี แบลร์ของอังกฤษตั้งแต่สมิทิสมีอำนาจในการบริหารประเทศเขามีนโยบายเห็นด้วยกับกลุ่มฝ่ายค้านพรรคประชาธิปไตยใหม่แทบทุกเรื่อง
วัฒนธรรม
กรีซมีชื่อเสียงทางเรื่องศิลปะ เป็นต้นแบบของงานสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะเด่นและสง่างามของเสาหินแบบวิหารพาร์เธนอน ที่ตกแต่งตรงส่วนบนของหัวเสาด้วยศิลปะแบบกรีกมี 3 แบบ คือ ดอริก , ไอโอนิก และคอรินเธียน จะเห็นเสาหินแบบกรีกเป็นส่วนตกแต่งด้านหน้าของอาคารสำคัญๆและสิ่งก่อสร้างที่เป็นงานสถาปัตยกรรมเลื่องชื่อของโลกตามเมืองหลวงของประเทศต่างๆในยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย สถานที่ทำงานสำคัญๆ ของประเทศที่มีชื่อเสียงต่างๆ ล้วนนำสถาปัตยกรรมศิลป์ของกรีซไปประยุคผสมผสาน ในการก่อสร้างเป็นการยอมรับในอารยธรรมที่รุ่งเรืองของกรีซโบราณและเป็นการถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมที่เคยเฟื่องฟูในอดีตของกรีซไปทุกมุมโลกนอกจาก งานสถาปัตยกรรมที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของกรีซที่เผยแพร่ไปทั่วโลกแล้ว งานจิตรกรรมและประติมากรรมของกรีซยังเป็นมรดกล้ำค่าที่บรรดาพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ต่างๆ พยายามเสาะหามาเป็นสมบัติเก็บสะสมไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถึงแม้งานศิลปะชั้นเยี่ยมของกรีซจะกลายเป็นสมบัติของพิพิธภัณฑ์ชั้นนำของประเทศอื่นแต่กรีซก็ยังมีงานศิลปะโบราณอยู่ในประเทศอีกมาก






รู้จักโมเดลไหม ?
โมเดลมีแบบไหนบ้าง ?
ก่อนที่เริ่มต้นกับโมเดล เราคงต้องมาทำความรู้จักกับโมเดลก่อน ว่าโมเดลที่มีขายอยู่ในท้องตลาดทุกวันนี้มันมีรูปแบบไหนกันบ้าง และมียี่ห้ออะไรขายกันอยู่ในท้องตลาด ยี่ห้อไหนดีไม่ดีอย่างไร ก็คงจะอธิบายคร่าวๆ พอให้เห็นเป็นแนวทางในการเลือกหา เพราะขั้นตอนแรกสุดของการเล่นโมเดลก็คงไม่พ้นการต้องวิ่งไปซื้อโมเดลมาเสียก่อน ชนิดของโมเดลเราสามารถแบ่งได้ดังนี้
แบ่งตามวัสดุที่ใช้ในการผลิต
1. โมเดลพลาสติก สามารถแบ่งตามวิธีการผลิตได้ 2 แบบคือ
1.1 แบบพลาสติกฉีด หรือ Injected plastic
1.2 แบบขึ้นรูปด้วยสูญญากาศ หรือที่เรียกว่า แว๊คคั่มฟอร์ม ( Vaccuum Form )
2. โมเดลเรซิ่น สามารถแบ่งตามวิธีการผลิตได้ 2 แบบคือ
2.1 แบบหล่อ หรือ Casting
2.2 แบบฉีด หรือ Injected Casted
3.โมเดลซอล์ฟไวนิ่ว ( Soft vinyl )
4.โมเดลโลหะ
แบ่งประเภทโมเดลตามกลุ่มผู้เล่น
โมเดลอาวุธสงคราม
โมเดลรถยนต์,รถแข่ง 
 ในการทำโมเดลนั้น ขึ้นอยู่กับตัวโมเดลที่เราจะทำ ถ้าเป็นพวก เครื่องโลหะเงาวาว ก็คงต้องใช้วัสดุพื้นเรียบ แล้วใช้สีสเปรย์พ้นเอา เพิ่มความสวยงาม

***** หมายเหตุ การทำโมเดลไม่สามารถบอกวิธีทำได้อย่างชัดเจน ขึ้นอยู่กับทักษะ และการลอกแบบจากจินตนาการของตัวเอง****





วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง
1 วัสดุปูพื้น
พื้นเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของอาคาร การปูพื้นจึงเป็นทั้งงานที่มีลักษณะเป็นงาน
ตกแต่งและงานก่อสร้าง ในการเลือกวัสดุปูพื้นในด้านความสวยงามแล้ว จะต้องเลือกให้เหมาะสม
กับการใช้งานของแต่ละพื้นที่ด้วย
       --ชนิดของวัสดุปูพื้น--
วัสดุปูพื้นที่นิยมใช้กันทั่วไปในปัจจุบันแบ่งออกได้ดังนี้
      1. พื้นไม้ เป็นวัสดุใช้ปูพื้นที่ได้รับความนิยมมาก เพราะความสวยงามของสี
เนื้อไม้ ความแข็งแรง การทนทานต่อสภาวะแวดล้อม แต่ปัจจุบันพื้นไม้เป็นสิ่งที่มีค่า หายากและ
มีราคาแพง จึงได้มีการผลิตไม้สำเร็จรูปขึ้นเพื่อใช้ทดแทนความต้องการไม้ธรรมชาติ พื้นไม้
ธรรมชาติและพื้นไม้สำเร็จรูปที่ควรทราบมีดังนี้
(1) พื้นไม้ธรรมชาติ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแปรรูปไม้ท่อนหรือไม้ซุง
เป็นแผ่นนำไปอบไล่ความชื้นและอาบน้ำยา ไม้แต่ละชนิดจะมีความแข็งแรงและการยืดหดของเนื้อ
ไม้ไม่เท่ากัน พื้นไม้ที่นิยมนำมาใช้งานแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ ไม้ในประเทศ เช่น ไม้สัก ไม้แดง
ไม้มะค่า และพื้นไม้ที่นำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ไม้โอ๊ก ไม้ไวท์แอช ไม้ฮาร์ดเมเปิ้ล เป็นต้น

(2) พื้นไม้สำเร็จรูป ทำมาจากแผ่นไม้อัด (Plywood) นำมาปิดผิวหน้าด้วย
วัสดุที่มีลวดลายสวยงาม (ลายไม้หรือลายแฟนซี) พื้นไม้สำเร็จรูปแบ่งตามวัสดุที่นำมาปิดผิวได้ดังนี้
(2.1) พื้นไม้ปิดผิวด้วยลามิเนต (Laminated Flooring) เป็นพื้นไม้สำเร็จรูป
ที่ผลิตจากเศษไม้มาอัดเป็นแผ่น ปิดผิวหน้าด้วยแผ่นฟิล์มพิมพ์ลายไม้ และเคลือบผิวหน้าด้วย
เมลามีนเรซิน เพื่อป้องกันการขีดข่วนและการยืดหดตัวของแผ่นไม้ ส่วนชั้นรองพื้นไม้จะมี
แผ่นฟิล์มป้องกันความชื้นที่อาจซึมขึ้นมาจากด้านล่าง นิยมใช้ปูพื้นภายในอาคาร
(2.2) พื้นไม้ปิดผิวสำเร็จด้วยแผ่นวีเนียร์ เป็นไม้ปูพื้นที่มีความคล้ายคลึง
กับไม้ลามิเนต แต่มีความแข็งแรงน้อยกว่า โครงสร้างหลักประกอบด้วยแผ่นไม้อัด รองอยู่ที่พื้น
ด้านล่างใช้กาวชนิดพิเศษช่วยยึดเนื้อไม้กับแผ่นวีเนียร์ให้ติดแน่นเข้าด้วยกันและใช้น้ำยาเคลือบแข็ง
หรือสารป้องกันรังสียูวีเคลือบทับผิวหน้าอีกครั้งเพื่อความคงทน


(2.3) พื้นไม้ปิดผิวสำเร็จชนิด 2 และ 3 Layer Engineer Floor ผลิตจากไม้
ธรรมชาติและไม้อัดที่อยู่ด้านล่างที่ยึดติดกันด้วยกาวชนิดทนน้ำ ผิวหน้ามีความหนา 3.5-4 มิลลิเมตร
นำมาผ่านวิธีเพิ่มคุณสมบัติ เช่น การอัดน้ำยาเพื่อป้องกันปลวกและแมลง การเคลือบผิวหน้าด้วย
ยูรีเทนหนา 6 - 8 ชั้นจึงทนทานและดูแลรักษาง่าย และทำร่อง V บริเวณขอบของแผ่นไม้ เพื่อช่วย
ในเรื่องการขยายตัวของพื้น ติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว และไม่ต้องขัดเคลือบสี
(2.4) ไม้สังเคราะห์ หรือไม้WPC(Wood plastic composite) เป็นผลิตภัณฑ์
ทดแทนไม้ธรรมชาติ โดยนำพลาสติกสูตรพิเศษ ซึ่งมีความเหนียวมาผสมรวมกับผงไม้(ขี้เลื่อย)
มีรูปแบบเหมือนกับไม้ธรรมชาติ







การประมาณราคาค่าก่อสร้าง (บ้าน) เบื้องต้น

การที่จะสามารถบอกได้ว่าราคาค่าก่อสร้างเป็นเท่าไรนั้น ต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ดังนี้ เริ่มต้นด้วยการดูแบบอย่างละเอียดทั้งหมด กรณีบ้านเดี่ยว แบบที่จะใช้ก่อสร้างได้จะมีอย่างต่ำประมาณ25-30 แผ่น และการคิดราคาจะต้องทำการคำนวณเพื่อแยกรายการค่าวัสดุและค่าแรงทั้งหมดทุกรายการที่ประกอบเป็นบ้านขึ้นมาหนึ่งหลัง ได้แก่ งานโครงสร้าง ซึ่งประกอบด้วยงานเสาเข็ม, ขุดดิน, ปริมาณคอนกรีตและเหล็กเสริมที่ใช้, ไม้แบบสำหรับการหล่อคอนกรีต, งานโครงสร้างหลังคา และวัสดุมุงหลังคา 

งานหลักอีกหมวดหนึ่งคืองานสถาปัตยกรรม โดยงานหมวดนี้คืองานผนัง, งานพื้น, งานประตู-หน้าต่าง, งานฝ้าเพดาน และงานสี เป็นต้น และงานอีก 2 หมวดคืองานระบบประปา-สุขาภิบาล และงานระบบไฟฟ้า
งานทั้งหมดที่กล่าวมาจะต้องคำนวณหาปริมาณเพื่อทำการใส่ราคา และการกำหนดราคาต่อหน่วยของรายการต่างๆ จะต้องตรวจสอบราคาที่เป็นปัจจุบัน เนื่องจากราคาของวัสดุมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่ง
ดังนั้นจากที่ผมเขียนถึงขั้นตอนการประเมินราคา (อย่างย่อกระชับ) ท่านผู้อ่านคงได้ทราบว่าราคาค่าก่อสร้างมีที่มาอย่างไร
การที่มีผู้บอกว่าค่าก่อสร้างเท่านั้นเท่านี้โดยดูจากแบบเพียงไม่กี่แผ่น หรือไม่ได้มีแบบเลย เพียงแต่บอกว่าเป็นอาคารลักษณะใดได้นั้น เป็นการประเมินราคาต่อหน่วยพื้นที่ ซึ่งถือว่ายังเป็นการประเมินเบื้องต้นอย่างหยาบๆ และผู้ประเมินคงต้องมีประสบการณ์การทำงานอยู่พอสมควรจึงจะบอกได้
ตัวอย่างอีกกรณีที่ได้มีผู้สอบถามผม โดยบอกว่ากำลังจะสร้างบ้าน และมีความประสงค์ขอทราบเกี่ยวกับค่าแรง พร้อมกับบอกว่าพอมีความรู้เรื่องวัสดุอยู่บ้าง
ผมเข้าใจว่าคงต้องการสร้างบ้านด้วยการซื้อวัสดุเอง แต่หาคนมารับค่าแรง ซึ่งกรณีนี้ผมได้ตอบไปว่าเรื่องของค่าแรงรับเหมานั้นไม่สามารถกำหนดเป็นค่าตายตัวได้ในแต่ละรายการ เพราะมีปัจจัยที่ต้องพิจารณากำหนดราคาค่าแรงในการการทำงาน
ตัวอย่างเช่น ปริมาณของงานปูกระเบื้อง ถ้ามีประมาณมากราคาอาจอยู่ที่ 150-200 บาทต่อตารางเมตร แล้วแต่เป็นกระเบื้องชนิดและขนาดใด แต่ถ้าปริมาณน้อย เช่น ปูกระเบื้องห้องน้ำเพียงห้องเดียว ราคาค่าแรงปูกระเบื้องก็จะต้องคิดเป็นงานเหมารวม ไม่อาจคิดเป็นราคาต่อหน่วยพื้นที่ได้ ในกรณีนี้ช่างกระเบื้องจะประเมินว่าต้องใช้เวลาเท่าไรในการทำงาน ประเมินเป็นค่าตัวของช่างออกมาจนงานเสร็จเป็นราคาค่าแรงงานดังกล่าวครับ
ส่วนที่ผู้ถามบอกว่าพอจะมีความรู้เรื่องวัสดุอยู่บ้าง ผมเชื่อว่าความรู้ที่คิดว่าทราบนั้น สำหรับการสร้างบ้านจริงอาจไม่เพียงพอก็เป็นได้ เพราะเรื่องของวัสดุก็เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนพอสมควร ถ้าไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ก็อาจได้ของที่ต่ำกว่ามาตรฐานมาใช้งานได้
กรณีของการประเมินราคาค่าก่อสร้างผมขอให้ข้อคิดว่า ถ้าสอบถามแล้วได้ราคาโดยไม่มีรายละเอียดประกอบแนบท้ายจะมีโอกาสที่ผิดพลาดได้มาก
ขอให้เป็นเพียงการประมาณการเพื่อให้ทราบถึงงบประมาณเท่านั้น ไม่ใช่ประเมินแล้วผูกมัดเป็นข้อตกลงเพื่อก่อสร้าง เพราะโอกาสที่จะเกิดปัญหาเมื่อทำงานจะมีสูงครับ

สัญลักษณ์ 

สัญลักษณ์ หรือ เครื่องหมาย (Symbol) โดยพื้นฐานหมายถึง สิ่งที่ใช้แทนความหมายของอีกสิ่งหนึ่ง หรือถ้าจะกล่าวให้ลึกลงไปอีก สัญลักษณ์ หมายถึง วัตถุ อักษร รูปร่าง หรือสีสัน ซึ่งใช้ในการสื่อความหมายหรือแนวความคิดให้มนุษย์เข้าใจไปในทางเดียวกัน อาจจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรมก็ได้ ในทางปรัชญามักมีคำนิยามว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติ หรือแม้ในจักรวาล สามารถแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ทั้งสิ้น
สัญลักษณ์นั้นช่วยในการสื่อสาร อาจจะเป็นรูปภาพ การเขียนอักษร การออกเสียง หรือการทำท่าทาง ซึ่งช่วยให้ผู้ส่งสารและผู้รับสารเข้าใจตรงกันแม้จะพูดกันคนละภาษา แต่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของทั้งสองฝ่ายว่า ผู้ส่งสารมีความสามารถใช้สัญลักษณ์ให้สื่อความหมายมากเพียงใด และผู้รับสารมีความเข้าใจในสัญลักษณ์ที่ใช้มากเพียงใด ดังนั้นภาษามือจึงจัดว่าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งเช่นกัน

สัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม 1


สัญลักษณ์ ฝ่า เพดาน ไฟ


แปลนสัญลักษณ์แบบในงานจริง



ลักษณะบ้านไทยในอดีต
๑. ปลูกเรือนใกล้แหล่งน้ำ 
      - เพื่อความสะดวกสบายในการใช้น้ำอุปโภค – บริโภค 
คมนาคมเกิดเป็นรูปแบบของหมู่บ้านแบบแนวยาวไปตามแม่น้ำ
เรือนไทยปลูกเรือนใกล้แหล่งน้ำ

๒. ไม่ปลูกเรือนขวางตะวัน 
      - เพื่อหลีกเลี่ยงความร้อนจากดวงอาทิตย์  
และรับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
เรือนครอบครัวเดี่ยว

๓. มักเป็นเรือนขยายเรียกเรือนหมู่ - ใช้ชานเป็นตัวเชื่อม

เรือนหมู่ครอบครัวขยาย

ผังเรือนหมู่ครอบครัวขยาย

๔. ใต้ถุนสูง 
    - ป้องกันน้ำท่วมหน้าน้ำลาก
           - ทำหัตถกรรม จักสาน ทอผ้า
     
- ป้องกันสัตว์ร้าย สัตว์เลื้อยคลาน โจร  ขโมย
            - พื้นที่ตำข้าว  เก็บข้าว
     
- ใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่น  พักผ่อน
           - พื้นที่เลี้ยงสัตว์
     
- ใช้เก็บข้าวของเครื่องใช้ ไม้สอยต่างๆ
ใต้ถุนสูง

๕. ทรงสอบเข้าเพื่อความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้าง 
      
- รูปทรงสามเหลี่ยมมั่นคง  (Stable)   ที่สุด
      
  - พื้นดินภาคกลางค่อนข้างอ่อน การสอบข้าวของโครงสร้าง
            จึงทำให้มีการค้ำยัน
            - ต้านเเรงซึ่งกันเเละกันของอีกด้านหนึ่งได้
ทรงสอบเข้าเพื่อความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้าง

๖. หลังคาทรงสูง  (ทรงกรวด) 
      - เนื่องจากวัสดุมุงหลังคาอาจเป็น  แฝก  คา หรือกระเบื้อง
ดินเผาซึ่งมีโอกาสรั่วซึมได้ง่าย  การทำหลังคาทรงสูงจึงทำให้น้ำฝนไหลระบายได้เร็ว  ป้องกันการรั่วซึมของน้ำฝนและช่วงปลายหลังคา
(ชายคา) ช่างจะบดให้แอ่นโค้งเพื่อช่วยส่งน้ำฝนออกจากตัวเรือนอีกด้วย
     
- ช่วยลดการแผ่รังสีความร้อนจากหลังคาเนื่องจากมีช่องว่างอากาศที่มีปริมาณมากพอสมควร  และยังมีช่องว่างเล็กๆ ระหว่างกระเบื้องหรือแฝกคาที่ทำให้อากาศร้อนลอยตัวออกมาทางช่องว่างเล็กๆ  เหล่านั้นได้
หลังคาทรงสูง

๗. มีกันสาดโดยรอบ
        - เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในประเทศเขตร้อน  มีมรสุมพัดผ่านทำให้ฝนตกชุกตลอดปี  มีแดดร้อน  จึงมีการยื่นกันสาด
โดยรอบ  เพื่อป้องกันแดด - ฝน
ค้ำยันแบบแขนนาง

ค้ำยันแบบท้าวแขน

๘. มีป้านลมหรือปั้นลม
       
 - เพื่อป้องกันลมแรงพัดกระเบื้อง
ด้านจั่วหลุดปลิว  อาจเลือนมาจาก
คำว่า   “ต้านลม
ปั้นลมเเบบหางปลา
ปั้นลมแบบตัวเหงา

๙. นิยมจั่ว  รูปแบบ         จั่วลูกฟักหน้าพรหม  หรือจั่วพรหมพักตร์  สอดคล้องกับโครงสร้างของจั่วหลังคาแบบขื่อเอก  ขื่อโท  และเป็นรูปแบบที่มีความกลมกลืนกันกับฝาปะกน
       
 - จั่วพระอาทิตย์นิยมใช้กับเรือนครัว  เพราะส่วนของรัศมี
พระอาทิตย์จะตีไม้เว้นช่องว่างเพื่อระบายอากาศและควันจากเตาไฟ
ที่ปรุงอาหาร
        
- นิยมทำเพราะถือคติพระอาทิตย์ขึ้นอันจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง
        
- จั่วใบปรือ  เดิมจะเอาไม้ตีกระหนาบทับใบปรือในแนวนอน
แต่ภายหลังจั่วที่ตีไม้ซ้อนเกล็ดแนวนอนก็เรียก  จั่วใบปรือด้วยเช่นกัน
จั่วพระอาทิตย์

จั่วลูกพักหน้าพรหม

จั่วใบปรือ
๑๐. หลังคาชะโงกเล็กน้อย 
        
- เพื่อให้เกิดความสวยงาม  เพราะหากไม่ชะโงกออกมาเมื่อ
เงยหน้ามองยอดจั่วจะเกิดภาพแบบ  ทัศนียภาพ  ( Perspective )  ซึ่งจะมีจุดรวมสายตาทำให้เกิดภาพจั่วล้มหงายไปด้านหลัง  ภาษาช่างเรียก
อากาศกิน
        
- ช่วยป้องกันฝนสาดเข้าจั่วด้านบนที่มี  เช่น  จั่วพระอาทิตย์
        
- ช่วยระบายอากาศได้บ้าง  เช่น  จั่วพระอาทิตย์

หลังคาชะโงก

๑๑. ไม่นิยมทำฝ้าเพดาน
       
 - ทำให้อากาศจากใต้ถุนตัวเรือนพัดผ่านเข้ามาภายในตัวเรือนได้
ในลักษณะของความต่างของอุณหภูมิอากาศ  ( Stack  ventilation )
คือ  อากาศร้อนใต้หลังคาจะไหลผ่านตามช่องว่างเล็กๆ  ระหว่าง
กระเบื้องหลังคาอากาศที่เย็นกว่าใต้ถุนและตัวเรือนจะไหลเข้ามาแทนที่ทำให้เกิดการระบายอากาศภายในเรือนรู้สึกเย็นสบาย
การระบายอากาศ
๑๒. เป็นเรือนระบบสำเร็จรูป
       
 - เรือนระบบสำเร็จรูป  ( Prefabrication )  จึงมีการใช้คำว่า
ปรุงเรือน” แทนคำว่า  “ปลูกเรือน”   โดยจะปรุงเรือนเสร็จภายใน
วันเดียว  โดยการเตรียมชิ้นส่วนโครงสร้างและองค์ประกอบของเรือนไว้พร้อมแล้วออกปากขอแรงลงแขกจากเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงช่วย
ปรุงเรือนโดยเจ้าของเรือนจะต้องจัดข้าวปลาอาหารเลี้ยงดูเป็นการ
ตอบแทน
เรือนระบบสำเร็จรูป

๑๓. ฐานราก - ขุดลงจากชั้นดินเดิม  ≈  ๘๐ - ๑๐๐  ซม         ระแนะหรือแระ  ฐานราก )   เป็นแผ่นไม้กระดานสี่เหลี่ยมขนาด  ≈ ๐.๔๐ x ๐.๔๐  หนา   -    ซม.
                                        
     =   เป็นแผ่นไม้กลมแบน  Ø  ๓๐ - ๕๐  ซม. หนา   -   ซม.  วางไว้ก้นหลุมรับน้ำหนักเสาเรือนกันเรือนทรุด 
        
- งัว  =  ท่อนไม้กลม  Ø  ๑๕  ซม.  ยาว  ๕๐ - ๗๐  ซม.  ทำหน้าที่รองรับกงพัด
        
- กงพัด  =  ไม้เหลี่ยม   x ๑๕  ซม.  ยาว  ๕๐ - ๗๐  ซม.  บากเจาะรูที่โคนเสาสำหรับสอดกงพัด  หรือ  ใช้กงพัดคู่ประกับขนาบกับโคนเสา
            โดยบากโคนเสาทั้งสองต้นเป็นบ่ารับกงพัดคู่ไว้  ปลายกงพัดลงบนงัวอีกที  เพื่อถ่ายน้ำหนักลงสู่พื้นดิน




ฐานราก
๑๔. โครงสร้างแบบดั้งเดิมไม่มีคาน - ตง         - โครงสร้างเดิมมีแต่  รอด - รา  รับพื้น  เนื่องจากพื้นกระดาน
มีความหนาและกว้าง  ส่วนพื้นปลายกระดานที่จดบริเวณรอบหัวเสารับด้วยฝักมะขามยึดกับเสาด้วยลูกสลักเพื่อไม่ให้พื้นกระดานไม่ยวบลง
โครงสร้างแบบดั้งเดิม

โครงสร้างแบบดั้งเดิม

โครงสร้างแบบ  คาน - ตง

๑๕. การลดระดับเรือน         - การลดระดับ    ระดับ  คือ  นอน - ระเบียง - ชาน  ลดระดับ
        ประมาณ  ๐.๓๐ - ๐.๔๐  ซม.
        - 
เพื่อให้เกิดการแยกพื้นที่ใช้สอยได้อย่างชัดเจน
        - 
คนไทยถือเรื่องอาวุโส  หากนั่งคุยกันเด็กนั่งระดับต่ำกว่าผู้ใหญ่
        - 
นั่งห้อยเท้าได้พอเหมาะพอดี
        - 
เพื่อการระบายอากาศที่ดี
        - 
โครงสร้างไม่เสียกำลังการรับน้ำหนัก  เพราะการเจาะรูรอดของเสา
        ที่มีพื้นเปลี่ยนระดับมีระยะห่างกัน
                                          การลดระดับเรือน
๑๖. เรือนนอน  เเละเรือนทั่วไป  มักมี    ห้องเสา  เรือนครัวมักมี    ห้องเสา
        
- ช่วงเสาเรือน  ( Span )  มักไม่มากกว่า  ๓.๕๐  เมตร  เนื่องจากข้อจำกัดของโครงสร้างไม้ที่อาจจะแอ่นตกท้องช้างตรงช่วงกลางได้หากตกท้องช้าง
               อาจจะใช้เสาตอม่อมาช่วยรับน้ำหนัก  เรียกเสาตอม่อที่มารับนี้ว่า  “เสาหมอ
        
- ห้องเสา  =  ที่ว่างที่โอบล้อมด้วยเสา    ต้น  โดยจะมีฝาห้องหรือไม่มีก็เรียก    ห้องเสาหรือระหว่างเสาคู่หนึ่งไปยังเสาอีกคู่หนึ่งก็เรียกห้องเสาเช่นกัน
เรือนครัว

  ห้องเสา มีฝากันหรือไม่มี
ก็เรียก    ห้องเสา

เรือนนอน

๑๗. เรือนเครื่องสับ  ใช้ฝาสำเร็จรูป 
          - ฝาเรือนไทยทั่วไปทำเป็น    ชนิด 
        
๑. ฝากรุ  นิยมทำฝาเรือนครัว  ระบายอากาศและควันได้ดี  =  กระเเชงอ่อน  เสื่อลำแผน  ฟาก  ขัดเเตะ  จากสาคู  ใบตาล  ทางมะพร้าว  ใบเตย 
        
๒. ฝากระดาน   =  โบราณห้ามมิให้เข้าฟากระดานตามขวาง  แนวนอน )  ถือว่าเอาอย่างตามฝาโลงผีเป็นอัปมงคล 
          
- ฝาสำเร็จรูป   ฝาที่ประกอบเข้าเสร็จพร้อมที่จะนำไปปรุงเรือนหนึ่งฝาของฝาสำเร็จนี้เรียกหน่วยเป็น  “กระแบะ”  
          
- ฝาปะกน     =  สันนิษฐานว่าช่างปรุงเรือนนำเอาเศษไม้ที่เหลือจากไม้โครงสร้าง  และทำเครื่องเรือนมาใช้ประโยชน์  โดยเข้าร่องประกล
                               
ลูกฟักเกิดรูปแบบ  ( Pattern )  ที่นิยมขึ้น  ฝาปะกน  โบราณเขียน   “ปกล”   น่าจะกร่อนมาจากคำว่า   “ปากกล”    
          
- ฝาสายบัว    =  ฝากระดานวางแนวตั้งต่อชนกัน  แล้วตีทับแนวไม้ปิดร่องที่ต่อชนกัน  เห็นเป็นเส้นในแนวตั้งไม่มีลูกนอน ลูกเซน ) เหมือนฝาปะกน 
         
 - ฝาสำหรวด   =  ฝาที่มีลูกตั้งเป็นหลักห่างประมาณ    คืบ  มีลูกนอน  ลูกเซน )  ขัดขวางระหว่างลูกตั้งในเเนวเดียวกันลำดับจากตีนฝาจนถึง
                               
ปลายฝาด้านในกรุด้วยใบจากใบเตย  กระแชงอ่อนหรือไผ่ขัดเเตะ  นิยมใช้กับเรือนครัวเพื่อการระบายอากาศและควัน
                                                         ฝาปะกน
ฝาสายบัว
                   
                        ฝาสำหรวด
-  ฝาประจำห้อง   ฝานี้เข้ากับโครงเรือนด้านยาว  ด้านรีหรือด้านแป  ก็เรียก  ฝานี้นั่งบนพรึง  มีขนาดความยาวฝา  =    ห้อง  เสา    กระแบะ
จึงเรียกฝาประจันห้อง 

จึงเรียกฝาประจันห้อง 
 ฝาประจันห้อง   ฝาที่คั่นสำหรับเเบ่งเรือน  เป็นห้องเล็กตามความยาวเรือนเป็นฝากลางระหว่างห้องที่แบ่งออกจึงเรียกฝาประจันห้อง
-  ฝาเสี้ยว         =  ฝาตรงส่วนระเบียง  พาไล )  ด้านบนฝาตัดเสี้ยวตามความสาดหลังคาระเบียง  คือ  การเข้าปากไม้เเบบรางลิ้น   (เข้าลิ้น) 

-  ฝาหุ้มกลอง    =  ฝาเรือนด้านขื่อด้านสกัดหรือด้านขวาง  เรียก  “ฝาหุ้มกลอง” เพราะฝานี้จะหุ้มฝาด้านยาวเหมือนกับหนังหุ้มกลอง  หากด้านยาวหุ้มด้านสกัดถือว่าไม่เป็นมงคลเพราะจะเหมือนกับการเข้าฝาของโลงศพ  ฝาหุ้มกลองนี้ยังเป็น  กระแบะหากทำกระแบะเดียว  ถือว่า  เป็นฝาโลงใส่ผีอีกเช่นกัน
ชื่อต่างๆ  ของฝาเรือน
๑๘. หน้าต่างเรือนแต่ละหลังห้ามทำมากกว่า    แห่ง
       
- หน้าต่างด้านสกัดหัวเรือน    ช่อง  ท้ายเรือน    ช่อง
       
- หน้าด้านยาว    ช่อง  รวมเป็น    ช่อง
       
- หากมีภัยจากตัว  จะไม่สามารถปิดได้ทันการ  หากมีหน้าต่างมากกว่า    บาน  ก็เกินความจำเป็น 
       
หยองหน้าต่าง
       
- มิให้หน้าต่างต่ำเกินไปเพื่อป้องกันฝนสาด
       
- เพื่อป้องกันเด็กเล็กตกลงไป
       
- ป้องกันขโมยปีนขึ้นได้ง่าย
       
- บังสายตา  เพื่อความเป็นส่วนตัว
       
- หยองหน้าต่าง  บางครั้งเป็นช่องโปร่งสามารถมองเห็นคนที่อยู่ด้านล่างเรือนได้
  หน้าต่างด้านนอก
หน้าต่างด้านใน


๑๙. ประตูเรือนแต่ละหลังห้ามทำมากกว่า    แห่ง       - อกเลา   ไม้ท่อนยาวเรียดเป็นเส้นตรงกลางหัวไม้กลางไม้และปลายไม้แกะเป็นรูปพนม ภูเขา)  สำหรับปิดบังในช่องระหว่างบานประตู
      
- ประตูมากไม่ปลอดภัย  หากเกิดเหตุภัยจวนตัวจะปิดให้หมด    แห่ง  ก็คงไม่ทันการ
      
- ฝาเรือนกะแบะหนึ่งควรเจาะช่องประตู    ช่อง
      
- ห้ามทำประตูชานเรือนตรงกับประตูนอน  เพื่อความปลอดภัย  เพราะหากมีผู้ปองร้ายก็จะเห็นผู้ที่อยู่ในเรือนได้ทะลุปรุโปร่ง
 ประตูภายนอก
ประตูภายใน